วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ทายนิสัย : รสกาแฟบอกนิสัย

ทายนิสัย : รสกาแฟบอกนิสัย
ใครที่ ติดในรสชาติของกาแฟนั้น รู้บ้างไหมว่า กาแฟที่คุณดื่มนั้น นอกจากรสชาติแล้วยังบอกอะไรหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวกับตัวคุณได้อีกด้วย ไม่เชื่อลองเลือกกาแฟถ้วยโปรดมาดื่ม แล้วลองอ่านคำทำนายข้างล่างนี้ดูว่าแม่นแค่ไหน
กาแฟ
** ชอบกาแฟขมๆ ** คน ที่ชอบกาแฟรสเข้มจัดนั้น จะเป็นคนเอาการเอางาน ช่างคิด ช่างวางแผน มีหัวทางธุรกิจ และชอบการทำงานที่ท้าทาย แต่ก็มักเป็นคนที่มีความเครียดเสมอๆ เพราะเฝ้าครุ่นคิดแต่หนทางที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองหวัง
** ชอบกาแฟรสชาติหวานมัน ** คน ที่ชอบกาแฟรสชาติเข้มข้น ทั้งหวานและมันถึงใจ แสดงว่าเป็นคนที่เปิดเผย ใจกว้าง ชอบความสนุกสนานในชีวิต เป็นคนร่าเริง ช่างกระเซ้าเย้าแหย่ นอกจากนั้นยังเป็นคนรักความยุติธรรม ไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบ และจะรักษาสิทธิของตัวเองเสมอ
** ชอบกาแฟที่กลิ่นหอมแรง** ส่วน คนที่ชอบกาแฟที่มีกลิ่นหอมแรงๆ เข้มข้น รู้มั๊ยว่าตัวเองเป็นแคนที่ช่างเลือก ชอบแต่สิ่งที่ดีที่สุด มักพิถีพิถันต่อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เป็นคนรักเพื่อน มีทัศนะที่ชัดเจนต่อสิ่งต่างๆและชอบการอยู่ในสังคมที่มีแต่คนทัศนะตรงกัน
** ชอบกาแฟรสอ่อนๆ ** คน ที่ชอบกาแฟรสชาติอ่อนๆ ขอให้มีกลิ่นกาแฟก็เป็นอันใช้ได้นั้น แสดงว่าเป็นคนที่ชอบความสงบ สุขภาพ รักความสะอาด และความปลอดโปร่ง สบายกาย สบายใจ นอกจากนั้นยังเป็นคนเคารพความเห็นของผู้อื่น ไม่ชอบโต้แย้งกับใครโดยไม่จำเป็น
** ชอบกาแฟหวานจัด ** คน ที่ชอบกาแฟหวานมากๆ เรียกว่าหวานนำรสอื่นๆ มาเลยนั้น แสดงว่าเป็นคนที่มีอารมณ์เปราะบาง ปรวนแปรง่าย เป็นคนที่มีความใฝ่ฝันเกี่ยวกับชีวิตตัวเองที่เป็นอยู่ ใฝ่ฝันอยาก มีชีวิตที่ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก และอยากเป็นคนพิเศษของใครสักคน

ขนมหวานยอดฮิตทั่วโลก! ขนมไทยติดด้วยยย

   ขนมหวานยอดฮิตทั่วโลกรับเทศกาลแห่งความรัก

วาเลนไทน์กำลังใกล้เข้ามาไม่รู้ว่าเลยอยากเพิ่มความหวานให้คู่รักทุกคู่ได้สวีทหวาน วันนี้เราเลยอยากจะแนะนำของหวานน่ารับประทานในหลายๆ ประเทศมาให้เพื่อนๆ ได้เติมความหวานกันอีกหน่อย หวังว่าคงจะถูกอกถูกใจคอขนมหวานทุกท่านนะค่ะ



:: แบล็คฟอเรสท์เค้ก

ด้วยความมีชื่อเสียงในเรื่อง ชนิทเซล เบียร์ และเค้กรสชาติอร่อยมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เยอรมนีจะกลายเป็นสถานที่ดื่ม-กินยอดนิยมของเรา โดยเจ้าช็อกโกแลตเค้กที่ทับซ้อนหลายชั้นด้วยครีม เชอร์รี่ และบรั่นดีผลไม้นี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นยุค 1900 ทางตอนใต้ของเยอรมนี (ภายหลังได้รับการปรุงแต่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของช่างทำเค้กในกรุงเบอร์ลิน) และทุกวันนี้เป็นทื่ชื่นชอบของคนทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่า นี่ก็เป็นหนึ่งในของโปรดของเราเช่นกัน


:: ทีรามิสุ

เค้กชื่อดังของอิตาลีทำขึ้นจาก เลดี้ฟิงเกอร์ราดเอสเปรสโซ่ สอดไส้ด้วยมาสคาร์โปนชีส และซาบากลิออเน ลือกันว่าทีรามิสุมีจุดกำเนิดมาจาก การที่แม่บ้านของทหารในสงครามโลกครั้งที่สองทำเค้กให้สามีรับประทาน โดยเชื่อว่า ส่วนผสมของคาเฟอีนกับน้ำตาล จะช่วยให้พวกเขามีพลังและแคล้วคลาดจากอันตราย ช่างโรแมนติคเสียนี่กะไร เหมาะจะเป็นของหวานรับวันวาเลนไทน์โดยแท้


:: ข้าวเหนียวมะม่วง

ขนมหวานแบบไทยๆ ที่นำมะม่วงสุกเหลืองอร่าม มาทานคู่กับข้าวเหนียวมูนราดด้วยน้ำกะทิ ฟังแล้วชวนน้ำลายสอเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับความนิยมจากทั้งชาวสยามและชาวต่างชาติ ทั้งยังสามารถหาลิ้มลองได้ทั้งที่โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร และร้านอาหารตามท้องถนนทั่วไป



:: แครมบรูเล่ (Creme Brulee)

แม้ชื่อจะฟังดูแล้วฝรั่งเศสสุดๆ แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากวิทยาลัยทรินิตี้ในเคมบริดจ์ได้อ้างว่า พวกเขาคือต้นตำรับผู้คิดค้นขนมสูตรเด็ดนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1600 อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีจุดกำเนิดจากอังกฤษ แต่เชื่อแน่ว่า คงไม่มีสถานที่ใดเหมาะแก่การทานคัสตาร์ดเย็นๆ โรยด้วยน้ำตาลไหม้ ได้เท่ากับ ใต้หอไอเฟลที่ประดับด้วยไฟสว่างไสวในยามค่ำคืนในกรุงปารีส

:: แอปเปิล พาย

เช่นเคย แม้จะฟังดูเป็นอเมริกันจ๋า แต่จริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดจากเมืองผู้ดี โดยได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1381 และปกติจะอบด้วยแป้งสองชั้น ในสมัยก่อน ตอนที่ชาวอังกฤษอพยพมาตั้งรกรากในอเมริกา พวกเขาได้นำเมล็ดแอปเปิลมาปลูกด้วย จึงทำให้มันมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมของชาวมะกัน แต่ไม่ว่าจะที่โรงแรมในลอนดอน หรือภัตตาคารในแอลเอ แอปเปิลพายก็เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาลูกค้าเหมือนกัน


:: นาไนโม บาร์ (Nanaimo Bars)

แคนาดาขึ้นชื่อเรื่องขนมหวาน? ได้ยินแล้วไม่ต่างกับการพูดว่า กรุงเทพขึ้นชื่อเรื่องทะเลยังไงยังงั้น แต่กระนั้น ขนมรสเลิศดังกล่าวก็มีที่มาจากเกาะแวนคูเวอร์ในเมืองนาไนโม รัฐบริติชโคลัมเบีย โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจาก ฝีมือแม่บ้านท้องถิ่นซึ่งได้ส่งเจ้าขนมทรงจัตุรัสชิ้นนี้ไปประกวดในนิตยสาร และคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ ปัจจุบัน เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในแถบอเมริกาเหนือ


:: ไดฟุกุ

ขนมเจลลาตินทรงกลมจากแดนอาทิตย์อุทัย มักสอดไส้ไว้ด้วยถั่วแดงหวาน (และบางครั้งก็อาจเป็นแยมสตอเบอร์รี่) โรยด้วยแป้งบางๆ โดยสามารถหาซื้อมารับประทานได้ทั้งจากกรุงโตเกียว โอซาก้า เกียวโต นากาโนะ และทุกแห่งในญี่ปุ่น

:: ฮาโล ฮาโล (Halo Halo)

จานเด็ดของชาวฟิลิปปินส์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ไข่บาลุท แต่รับประกันได้ว่าไม่น่าสะอิดสะเอียน ทั้งนี้ ฮาโล ฮาโล ไม่มีสูตรการทำที่แน่นอน แต่ดูๆ ไปก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งใสของบ้านเรา โดยนำน้ำแข็งบดมาเติมด้วยเครื่องเคียง เช่น ถั่วเขียว ลูกตาล ขนุน มะพร้าวอ่อน ไอศกรีม วุ้นมะพร้าว สับปะรด และอื่นๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการราดนมข้นหวาน และน้ำเชื่อม โดยสามารถหารับประทานได้ทุกที่ในกรุงมะนิลา


:: กุหลับ จามาน (Gulab Jamen)

ก้อนขนมปังหวานที่คงไม่ถูกปากฝรั่งตาน้ำข้าว แต่คอนเฟิร์มว่าอยู่ในรายชื่อขนมอันดับต้นๆ ของชาวอินเดีย และเมื่อมีคนกว่าพันล้านคนชื่นชอบ ก็ยากจะปฏิเสธได้ว่ามันไม่อร่อย ปกติแล้วมักทำขึ้นโดยใช้ครีมสองชั้นและราด้วยน้ำเชื่อมเข้มข้น เป็นที่นิยมในอินเดีย ปากีสถาน เนปาล และประเทศในแถบเอเชียใต้

:: บาคลาวา (Baklava)

ประวัติที่แท้จริงของบาคลาวายากที่จะระบุให้แน่ชัด เพราะว่ากันว่ามันมีต้นกำเนิดจากจักรวรรดิอ็อตโตมัน ดินแดนเมโสโปเตเมีย และอาหรับ โดยขนมหวานชนิดนี้ทำขึ้นจาก การนำแป้งฟิลโลมาสอดไส้ไว้ด้วยถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม หากต้องการลิ้มลองรสชาติแบบต้นตำรับ ก็ต้องไปรับประทานถึงถิ่นที่อ้างว่าเป็นจุดกำเนิด ทั้งกรุงอิสตันบูล กรุงเอเธนส์ และกรุงเบรุต แม้แต่ละที่อาจจะมีรสแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังการันตีได้ถึงความเอร็ดอร่อย

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ศิลปะการแทงหยวก

 
             ศิลปะการแทงหยวก   

          ศิลปะการแทงหยวก เป็นงานฝีมือช่างประเภทหนึ่งที่อยู่ในช่าง สิบหมู่ ประเภทช่างสลักของอ่อน ย้อนหลังไปประมาณ 20-30 ปี ขึ้นไป มีประเพณีที่เกี่ยวกับการแทงหยวกอยู่ 2 อย่าง คือ การโกนจุกเเละการเผาศพ (โดยเฉพาะศพผู้ที่มีฐานะปานกลาง)
          รูปแบบและลวดลายศิลปะการแทงหยวก
          ลายที่ใช้ในการแทงหยวก นิยมใช้ลายไทยมาแต่โบราณ ลายที่ใช้เป็นลายมาตรฐานที่ใช้สำหรับแทงหยวก ในปัจจุบันก็ยังใช้ลายลักษณะลายไทยแบบดั้งเดิมอยู่ อาจจะมีการประยุกต์ลายขึ้นใหม่บ้าง แต่ก็ยังคงยึดหลักของลายไทยลายต่าง ๆ ที่ใช้ในการแทงหยวก มีดังต่อไปนี้
ลายฟันหนึ่ง
ลายฟันหนึ่งมีหนึ่งยอดเป็นลายแทงหยวกที่ใช้กันในทุกท้องถิ่น ขนาดของฟัน มีทั้งฟันเล็กและฟันใหญ่ ลายฟันหนึ่งขนาดเล็กนิยมเรียกว่า ลายฟันปลา ลายฟันหนึ่งเป็นลายที่นำไปประกอบส่วนในสุดของส่วนฐานหรือส่วนเสา สำหรับส่วนฐานนั้น ลายฟันหนึ่งคั่นอยู่ระหว่าง
ลายหน้ากระดานกับลายฟันสามและฟันห้า สำหรับส่วนเสานั้น ลายฟันหนึ่งจะอยู่ระหว่างลายน่องสิงห์กับลายเสาลายฟันหนึ่ง เป็นลวดลายเบื้องต้นที่ผู้เริ่มฝึกหัดใหม่จะต้องฝึกฝนให้มีความชำนาญ การฝึกหัดแทงลายฟันหนึ่งที่ถูกต้องนั้น ขนาดของฟันจะต้องมีขนาดเท่ากันทุกซี่ จะต้องแทงให้เป็นเส้นตรงเดียวกัน ไม่คดโค้งหลักสำคัญอีกประการหนึ่งในการฉลุลายฟันหนึ่ง ก็คือ จะต้องฉลุให้ทั้งสองด้านเท่ากัน
ลายฟันสาม
ลายฟันสามมีสามยอด เป็นลายอีกแบบหนึ่งที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ในทุกท้องถิ่นขนาดของลายฟันสามโดยทั่ว ๆ ไป คือ กว้างประมาณ 8 เซนติเมตร สูงประมาณ 7 เซนติเมตร ลายฟันสามนี้ใช้สำหรับประกอบที่ส่วนฐานชั้นล่างและฐานชั้นบนของเมรุ
ลายฟันห้า
ลายฟันห้ามีห้ายอด เป็นลวดลายที่ใช้ประกอบในส่วนฐาน เช่นเดียวกับลายฟันสาม ลายฟันห้ามีขนาดใหญ่กว่าฟันสามเล็กน้อย คือ ส่วนกว้างประมาณ 9 เซนติเมตร สูงประมาณ 8 เซนติเมตรการแทงลายฟันห้า ที่ยากกว่าลายฟันสาม ก็คือ ต้องแทงหยักถึง 5 หยัก ทำให้หยักด้านขวาและด้านซ้ายมีขนาดไม่เท่ากัน และโดยเหตุที่ลายฟันห้ามีขนาดใหญ่ ในการแรจึงจำเป็นต้องสอดไส้ทำให้ได้ลวดลายที่สวยงามยิ่งขึ้น

ลายหน้ากระดาน
ลายหน้ากระดานประกอบด้วย ลายรักร้อย ลายรัดเกล้า ลายกนกเปลว ลายลูกฟักก้ามปู ลายกนกใบเทศ ลายเถา ลายเสาต่อยอด ลายเสาหางโต คือลายที่มีการพัฒนามาจากลายพื้นฐานที่แทงขึ้นให้เกิดลวดลายนำไปปิดทับบนแผ่นพนังของการประกอบหยวก มีลักษณะการแทงลงบนกาบกล้วยให้เกิดเป็นช่องของลวดลาย โดยไม่แยกออกจากตัวกาบกล้วยจะเกิดลายติดอยู่บนกาบกล้วย และจะเกิดช่องแสงหรือช่องว่าง ส่วนใหญ่ลวดลายที่ได้นั้นมีแนวคิดและรูปแบบมาจากธรรมชาติ









ลายน่องสิงห์หรือแข้งสิงห์
ลายน่องสิงห์เป็นลายที่ใช้กับส่วนที่เป็นเสา ลายชนิดนี้ใช้กันในทุกท้องถิ่น ไม่แตกต่างกัน การแทงลายน่องสิงห์นั้น ความยากอยู่ที่ต้องให้ทั้งสองด้านเท่ากันกล่าวคือ เมื่อฉลุเพียงครั้งเดียว จะได้ผลงานถึงสองชิ้น เมื่อฉลุเสร็จแล้ว ต้องมีการแร และย้อมสีเพื่อความสวยงามเท่านั้น ลายน่องสิงห์ สามารถแยกลายออกจากกัน นำมาใช้ได้ทั้ง 2 ด้าน เหมือนลายฟันหนึ่ง ลายฟันสาม และลายฟันห้า แต่ลายน่องสิงห์เป็นลายตั้งประกอบเป็นเสาด้านซ้ายและด้านขวา ในหยวก 1 อันแทงเป็นด้านขวา เมื่อแยกด้านขวาออกจากกันก็จะได้ด้านขวาเหมือนกันทั้ง 2ชิ้น ต้องแทงด้านซ้ายอีกครั้งหนึ่ง
ลายเสา  
ลายเสาเป็นลายที่มีความสำคัญ เนื่องจากการแทงกระทำได้ยาก เช่นเดียวกับลายหน้ากระดานส่วนฐาน สำหรับลายเสานี้มีการออกแบบลวดลายแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งมีการแสดงฝีมือกันเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับลายหน้ากระดานในส่วนฐานเช่นกัน ลายเสาที่ใช้กันอยู่โดยทั่ว ๆ ไป เช่น ลายมะลิเลื้อยประเภทต่าง ๆ ลายเสารูปกนก ลายเสารูปสัตว์เป็นต้น
ลายกระจัง
ลายกระจังเป็นลายที่ใช้ประกอบกับลายฟันสามและลายฟันหนึ่ง ไม่นิยมใช้กับส่วนที่เป็นฐาน เนื่องจากลายกระจังรวนเป็นลายแบบบัวคว่ำ นิยมใช้กับส่วนบนและส่วนกลางเท่านั้น มีหลายชนิด เช่น กระจังรวน กระจังใบเทศ เป็นต้น